EN TH

เรียน ท่านผู้ถือหุ้น

ในปี 2565 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกและประเทศไทยยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้นเป็นลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังมีความเปราะบาง และยังต้องเผชิญความท้าทายหลายประการ แม้มีปัจจัยหนุนจากการทยอยเปิดเมืองและเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีแรก แต่การชะลอตัวของอุปสงค์โลกเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน และภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยความท้าทายที่เข้ามาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม การเริ่มเปิดประเทศ และการเดินทางในฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงท้ายปี ส่งผลให้มีความต้องการใช้งานเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่เอทานอลเกรดอุตสาหกรรม ยังคงมีความต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่องจากมาตรการเฝ้าระวังเช่นกัน นอกจากนี้ วิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขที่เกิดขึ้น ยังส่งผลต่อวิถีการดำเนินชีวิตและการบริโภคไปสู่รูปแบบใหม่ ที่ทุกคนให้ความใส่ใจกับการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนา อาหารแห่งอนาคตจึงเป็นเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เช่น อาหารไฟเบอร์สูง ปราศจากกลูเตน ปริมาณน้ำตาลต่ำ ไม่ใช้สารเคมี เนื้อสัตว์จากพืช เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ห่วงโซ่การผลิตอาหาร มุ่งเน้นในเรื่องความมั่นคงทางอาหาร และการบริโภคแบบยั่งยืน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัท ยังคงยึดมั่นการดำเนินธุรกิจอย่างมีบรรษัทภิบาล ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โปร่งใส ภายใต้นโยบายการต่อต้านคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ เพื่อยกระดับธุรกิจที่ตอบโจทย์ประเด็นความยั่งยืนในทุกมิติ ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ 4 ดาว หรือ “ดีมาก” (Very Good CG Scoring) จากการเข้ารับการประเมินเป็นปีแรกในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน (Corporate Governance Report of Thai Listed Company: CGR) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สะท้อนศักยภาพและความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจบนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มเป็นสำคัญ พร้อมสามารถส่งมอบคุณค่าของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการดำเนินงานที่ครอบคลุมทุกมิติ ตามแนวทาง ESG (Environmental, Social and Governance: ESG) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ระดับคะแนน 4 เหรียญ จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย สะท้อนการมีแนวปฏิบัติและการจัดการประชุมผู้ถือหุ้นที่ดี ตั้งแต่ปีแรกของการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น นับเป็นการดำเนินธุรกิจที่ยึดมั่นตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การดำเนินธุรกิจที่ช่วยสร้างสรรค์ให้ UBE เป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจใหม่ตามแนวทาง BCG Model ที่รัฐบาลมีแนวนโยบายที่จะผลักดันในเรื่องเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรม เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และที่สำคัญต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้น กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ได้มอบความไว้วางใจ และให้การสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา รวมถึงขอบคุณฝ่ายจัดการ และพนักงานทุกคน ที่มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ตลอดปี 2565 จนสามารถก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และช่วยกันสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความรัก ความสามัคคี การแสดงพลังในการเป็นเจ้าของร่วมกันของพนักงานทุกคน สร้างการขับเคลื่อนจนบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สร้างธุรกิจให้เติบโตกว้างไกล และยั่งยืนเหนือเป้าหมายที่วางไว้ บนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความโปร่งใส พร้อมส่งมอบคุณค่าของธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม สอดคล้องกับปณิธานด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ ทั้งในด้าน “Profit” การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ “People” การพัฒนาคุณภาพชีวิต และ “Planet” การรักษาสิ่งแวดล้อม สามารถรักษาความเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์มาตรฐานสากล สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น และสร้างผลประกอบการที่ดีในระยะยาวอย่างยั่งยืน

นายพลากร สุวรรณรัฐ

ประธานกรรมการ